วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

ทำไมสุนัขถึงดุ?



ปัจจัยที่ทำให้สุนัขดุมาจากทั้งปัญหาทางกายและใจ

---------> ทางกาย

- อิทธิพลจากฮอร์โมนที่มีผลต่ออารมณ์ เช่น ไทรอยด์ฮอร์โมน / ฮอร์โมนจากต่อมหมวกไต / ฮอร์โมนเพศ (จะเห็นได้ในช่วงวัยรุ่นต้องการท้าทาย ช่วงติดสัด ตั้งท้อง เลี้ยงลูก เป็นต้น) 

-เกิดการบาดเจ็บทางร่างกาย เช่น เจ็บฟัน เจ็บขา เจ็บหาง เป็นต้น

ปัจจัยทั้ง 2 ควรได้รับการตรวจยืนยันจากแพทย์ เพื่อให้แน่ใจว่าสุนัขมีปัญหาทางสุขภาพกายหรือไม่ ถ้ากายปกติ เราก็มาเน้นเรื่องปัญหาทางใจ (จิตวิทยาสุนัข)

-----------> ทางใจ

........... (ตามหลักจิตวิทยาสุนัขของ ซีซาร์ มิลลาน )

- สุนัขพลังงานสูง และ Born to be dominant 
-อาจไม่ Born to be dominant แต่ในบ้านไม่มีใครเป็น pack leader สุนัขก็จำใจต้องเป็น pack leader แทน
-สุนัขระบายพลังงานไม่เพียงพอ ทำให้ควบคุมอารมณ์ตื่นเต้นไม่ได้ดี สุนัขที่ตื่นเต้น จะนำมาซึ่งความก้าวร้าวได้ หรือ หมกมุ่น เช่น เห่ามาก หวงถิ่น หวงของ ขุด กัด ทำลาย ไล่ เป็นต้น
-เจ้าของไม่มีความเป็นจ่าฝูง pack leader ประกอบกับสุนัขพลังงานเหลือล้น ทำให้ไม่สามารถเตือนสุนัขได้ผล และสุนัขไม่เชื่อฟัง

ที่สำคัญ ต้องระบายพลังงานสุนัขให้หมด อาจพาขึ้นลู่วิ่ง เราปั่นจักรยานและน้องหมาวิ่งตามในสายจูง ต้องพาเดินมากขึ้น พาออกกำลังเพิ่มเติมในรูปแบบอื่นๆ อาจพาเล่น Agility หรือฝึกTricks ที่สำคัญอย่าลืมออกกำลังกายสมองและจิตใจของสุนัขด้วย เช่น หาความท้าทายต่างๆให้สุนัขได้ฝึกควบคุมตัวเอง จะทำให้เขาระบายพลังงานได้ดีกว่าการออกำลังทางร่างกายเสียอีก

และ คนต้องเป็นจ่าฝูง ถึงจะห้ามพฤติกรรมที่มีต้นเหตุมาจากสัญชาตญาณได้ เช่น การเห่า หวง ไล่ กัด เป็นต้น

อย่าลืมทำหมันสุนัขด้วย จะได้ลดปัจจัยเสริมจากฮอร์โมนลงไป 





สุนัขที่บ้านห้ามดุ ห้ามกัด ห้ามไล่ ห้ามเห่า ห้ามหวง ห้ามหนี ห้ามแอบ ห้ามเถียง และอีกสารพัดห้าม ห้าม ห้าม

คุณรู้หรือไม่ว่าสุนัขสายพันธุ์ไหนที่คลอดลูกยากที่สุด



สำหรับเรื่องราวของสุนัขในครั้งนี้เราจะมาพูดถึงเรื่องราวของสุนัขกับการคลอดลูกของสุนัขแต่ละสายพันธุ์ไม่ว่าจะเป็น สุนัขพันธุ์ใหญ่ สุนัขพันธุ์เล็ก สุนัขหน้าสั้น ว่าสุนัขสายพันธุ์ไหนที่จะคลอดลูกยากที่สุดเพราะการความเสี่ยงของการคลอดลูกยากของสุนัขทั้งสามสายพันธุ์นี้ไม่เหมือนกัน เรามาดูกันว่าสุนัขพันธุ์ไหนที่คลอดลูกยากที่สุด
- เริ่มกันจากสุนัขพันธุ์ใหญ่กันก่อนเลยว่ามีความเสี่ยงในการคลอดลูกยากขนาดไหน คำตอบก็คือสุนัขพันธุ์ใหญ่นี้จะเป็นพบปัญหาในการคลอดลูกยาก และการคลอดลูกของสุนัขพันธุ์ใหญ่นี้ก็สามารถที่จะคลอดลูกออกมาได้ครั้งละหลาย ๆ ตัว แต่ปัญหาในการคลอดลูกของสุนัขพันธุ์ใหญ่จะอยู่ที่มดลูกซี่งมักจะมีปัญหา เพราะสุนัขจะต้องคลอดลูกออกมาหลายตัวจะทำให้เกิดปัญหากับมดลูกได้ง่าย
สุนัขพันธุ์เล็ก ก็ถือได้ว่าเป็นสุนัขที่มีความเสี่ยงในการคลอดลูกพอสมควร เพราะว่าสุนัขสายพันธุ์นี้มักจะมีนิสัยขี้กลัว ทำให้เมื่อคลอดลูกมักจะไม่อยู่นิ่ง หรือไม่กล้าที่จะเบ่งลูกออกมา จึงทำให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมาเพราะการคลอดลูกนั้นมีปัญหามากเกินไป แต่ก็ยังไม่ใช้สุนัขสายพันธุ์ที่คลอดลูกยากที่สุด
- สำหรับสุนัขที่คลอดลูกยากที่สุดคือ สุนัขสายพันธุ์หน้าสั้นไม่ว่าจะเป็น สุนัขพันธุ์ปั๊ก , สุนัขพันธุ์บูลด็อก , สุนัขพันธุ์บอสตัน เทอร์ , สุนัขพันธุ์ ซีลีแฮม เทอร์เรีย และยังมีอีกหลายพันธุ์ที่มีใบหน้าสั้นว ซึ่งสุนัขสายพันธุ์เหล่านี้จะมีปัญหาช่องเชิงกรานแคบ และลูกสุนัขก็จะมีกะโหลกที่ใหญ่ทำให้การคลอดลูกนั้นสามารทำได้ยากกว่าสุนัขสายพันธุ์อื่น ๆ

ขอบคุณบทความดีดี จาก dogilike.com
ตารางเปรียบเทียบ ศึกษาจากการเจริญ ของฟันและกระดูก ของสุนัข
อายุขัยโดยเฉลี่ยประมาณ 15 ปี
แต่บางตัวก็อยู่ได้นานกว่านี้มาก                                                                                           
บางตำราก็บอกว่าหมาอายุ 1 ปี เท่ากับคน อายุ 7 ปี                             
ซึ่งอาจมีปัจจัย อื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้อง  หมาแต่ละพันธุ์มีช่วงการเจริญเติบโตต่างกัน ช่วงอายุแตกต่างกัน
หมาพันธุ์ใหญ่ๆ  มีช่วงอายุสั้นกว่า หมาพันธุ์เล็กๆ  แต่ว่าหมาพันธุ์ใหญ่ๆ จะเจริญเติบโตได้เร็วกว่า หมาพันธุ์เล็ก

Dog
 
แฮ่!ตบกันไปเถอะ ยังไงซะ!!!พี่อูมต้องเป็นของฉันคนเดียว!!
(เส็ดฉันแน่!X

ว่าด้วยเรื่อง 9สัตว์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก  [มันใหญ่จริงๆอะ !!!!]
6. หมาที่ตัวสูงที่สุดในโลก(เพิ่งตายเมื่อไม่นานมานี้)
Herculesอาจเป็นหมาที่ตัวใหญ่ที่สุดในโลก แต่หมาที่ตัวสูงที่สุดในโลกที่Guinness World Recordsได้บันทึกไว้นั้นคือสุนัขพันธุ์Great Daneที่มีชื่อว่าGibsonตัวนี้ ซึ่งมีน้ำหนัก170ปอนด์ และสูงถึง7ฟุต สูงกว่านักบาสNBAส่วนใหญ่ซะด้วยซ้ำ
Dogilike.com :: มารู้จักสุนัขพันธุ์เล็ก...น้องหมาสุดฮิตพ.ศ.นี้!!!

     แต่ก่อนเวลาพูดถึงน้องหมา เราก็มักนึกไปถึง น้องหมาผู้ซื่อสัตย์ เอาไว้ใช้เฝ้าบ้าน ป้องกันขโมย ดังนั้นเวลาจะเลือกน้องหมามาเลี้ยงก็ต้องเลือกที่ตัวใหญ่ๆ  ดูดุๆ  น่าเกรงขาม แล้วก็ทำป้ายหน้าบ้านว่า“ระวังหมาดุ!!!” ให้คนเดินไปมาหวั่นผวาเล่น แต่พอเวลาผ่านไปได้สักพักหนึ่งคนใช้ชีวิตในเมืองมากขึ้น ที่อยู่อาศัยเล็กลง มีข้อจำกัดของพื้นที่ ด้วยเหตุผลนี้เองทำให้หลายคนเลือกที่จะเลี้ยงน้องหมาพันธุ์เล็กน้องหมาตัวใหญ่ไซส์บิ๊ก โดยเฉพาะในปัจจุบันยิ่งน้องหมาพันธุ์เล็กมากเท่าไหร่ คนก็ยิ่งให้ความนิยมเลี้ยง เพราะว่าไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่ในการเลี้ยงมาก เจ้าของสามารถพาน้องหมาไปไหนมาไหนด้วยได้อย่างสะดวก

     ... ว่าแต่ว่า แล้วเราจะรู้ได้ยังไงล่ะคะว่า น้องหมาที่เราคิดจะเลี้ยงนั้นเป็นน้องหมาพันธุ์เล็กจริงๆ  ไม่ใช่ว่าตอนซื้อมาเจ้าของร้านโฆษณานักหนาว่าเป็นพันธุ์เล็กแน่ๆ แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมาจาก "น้องหมา"กลายเป็น "น้องม้า" ไปซะอย่างนั้น!!!
สุนัขมีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ ไม่ว่าจะเป็นสุนัขสายพันธุ์เล็ก กลาง หรือขนาดใหญ่  แต่หนึ่งในบรรดาสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความสนใจ และนิยมเลี้ยงกันอย่างมาก คงจะหนีไม่พ้นพลพรรคชิวาวา เจ้าหมาตัวน้อยตาโต ที่มีใบหน้าแสนน่ารักบ้องแบ๊วได้ใจคนรักสุนัขทั่วโลก ซึ่งเราเชื่อว่ายังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เกี่ยวกับน้องหมากระเป๋าพันธุ์นี้ที่คุณอาจะไม่เคยรู้ วันนี้จะนำเรื่องราวลับ ๆ ของเหล่าชิวาวามาบอกกันด้วยล่ะ
1. สุนัขตัวเล็กแต่ใจใหญ่ 

หากคุณจะเลือกสุนัขสักตัวมาเป็นเพื่อนคู่ใจ ก็อย่าเพิ่งตัดสินใจอะไร ๆ จากภายนอกนะคะ เพราะถึงแม้ภายนอกของสุนัขพันธุ์ชิวาวาจะดูอ่อนหวาน นิ่ง ๆ และไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบ ๆ ตัวเท่าไหร่ แต่จริง ๆ แล้วชิวาวานั้นเป็นสุนัขที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่ชอบหยุดนิ่งอยู่กับที่ และมีความกล้าหาญกว่าที่คุณคิดเอาไว้มาก ที่นี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าทำไมเราจึงบอกว่าอย่าเพิ่งตัดสินชิวาวาจากภายนอก

2. ร่างกายแข็งแรงสุด ๆ  
เจ้าตัวจิ๋วชิวาวา มีอายุเฉลี่ยถึง 13 – 15 ปีเลยทีเดียว และบางตัวก็อาจจะมีอายุยืนกว่านี้ นั่นเป็นเพราะร่างกายของชิวาวานั้นแข็งแรงมากและไม่ค่อยพบปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพสักเท่าไหร่เมื่อเทียบกับสุนัขพันธุ์อื่น ๆ เนื่องมาจากชิวาวาเป็นสุนัขที่มีนิสัยร่าเริง ไม่ค่อยมีความเครียดจึงทำให้พวกมันมีสุขภาพที่ดี และมีหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส พร้อมที่จะทำให้เจ้าของมีความสุขไปกับพวกมันด้วย

3. ซื่อสัตย์กับเจ้าของมาก  
สุนัขพันธุ์ชิวาวาก็มีนิสัยรักและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายของตัวเองมาก ๆ เช่นกับพันธุ์อื่น ๆ ดังนั้นชิวาวาจะมีความสุขมาก หากเห็นคุณรักและเอาใจใส่มันเพียงตัวเดียว แต่ถ้าคุณกลัวชิวาวาจะเหงา อยากจะหาสุนัขอีกสักตัวมาอยู่เป็นเพื่อน ก็ควรเลือกสุนัขสายพันธุ์เดียวกับชิวาวาเอาไว้ดีกว่า เพราะพวกมันจะยินดีต้อนรับสุนัขสายพันธุ์เดียวกันมากกว่าสุนัขต่างสายพันธุ์
4. เป็นเพื่อนที่ตายแทนได้
ถ้าใครได้ก้าวเข้ามาอยู่ในใจของสุนัขตัวเล็กสายพันธุ์ชิวาวาแล้ว พวกมันไม่มีวันปล่อยให้คุณต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวเดียวดายแน่นอน เพราะชิวาวาจะจับสังเกตคุณอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ที่ไหน เสมือนเป็นเงาตัวน้อย ๆ ของคุณนั่นเอง นอกจากนี้พวกมันก็เต็มใจทำตามคำสั่งของคุณโดยไม่ขัดขืนหรือแสดงอาการก้าวร้าวอีกด้วย ฉะนั้นคุณก็อย่าลืมเอาใจใส่และให้ความรักพวกมันอย่างเต็มที่เหมือนที่พวกมอบให้คุณด้วยนะ

5. ไม่ชอบอากาศหนาวอย่างแรง  
ถึงแม้ชิวาวานั้นจะมีร่างกายและจิตใจที่สมบูรณ์แข็งแรงแค่ไหนก็ตาม แต่บางครั้งชิวาวาก็ไม่สามารถเอาชนะอากาศที่หนาวเย็นได้ ฉะนั้นหากที่บ้านของคุณเริ่มมีอากาศหนาวเย็นก็อย่าลืมหาเสื้อผ้าอุ่น ๆ ใส่ให้พวกมันด้วยนะ เพราะความเย็นเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคข้อกระดูกเสื่อม ทางที่ดีก็เลี้ยงเอาไว้ในห้องที่มีอุณหภูมิปกติดีกว่าจ้า
6. ฉลาดเป็นกรด
ชิวาวามีนิสัยกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้พวกมันสามารถพัฒนาทักษะต่าง ๆ และเรียนรู้สิ่งรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว แต่พวกมันจะทำตรงกันข้ามเมื่อรู้สึกเบื่อหรือเซ็ง ซึ่งถ้าเกิดชิวาวาของคุณมีอาการแบบนี้ คุณก็ควรเอาใจใส่และดูแลพวกมันเป็นพิเศษขึ้นอีกสักนิด เดี๋ยวพวกมันก็กลับมาสดใสเหมือนเดิมแล้วล่ะ


7. สุนัขตัวโปรดของเหล่าเซเลบฯ
สุนัขพันธุ์ชิวาวาถือเป็นสุนัขที่ออกกล้องกับเหล่าเซเลบฯ บ่อยที่สุด ไม่ว่าสาวไฮโซสุดเซ็กซี่อย่างปารีส ฮิลตัน หรืออดีตนางเอกสาวที่ผันตัวไปเป็นผู้กำกับอย่าง รีส วิสเทอร์สปูน ก็มักจะอุ้มชิวาวาตัวโปรดมาปรากฏตัวพร้อมกับพวกเธอบ่อย ๆ และหากย้อนกลับไปอีกนิดก็จะเห็นว่าสุนัขพันธุ์นี้ยังเป็นสุนัขที่สนใจของเจ้าแม่วงการหนังอย่าง มาริรีน มอนโร อีกด้วย เหตุผลเพียงแค่นี้พอจะทำให้คุณสนใจชิวาวามากขึ้นหรือยังคะ
ภายใต้รูปร่างเล็ก ๆ กะทัดรัดที่แสนจะธรรมดา แต่กลับมีเรื่องราวอีกมากมายที่น่าค้นหา ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้สุนัขสายพันธุ์ชิวาวามีเสน่ห์และเป็นที่สนใจของคนทั่วไป… หากจะหาสุนัขดี ๆ สักตัวก็อย่าลืมชิวาวาที่แสนน่ารักกันนะคะ
มาตรฐานสายพันธุ์สุนัขพันธุ์ ชิห์สุ (Shih Tzu)

น้องหมาพันธุ์เล็กยอดนิยมอย่างชิห์สุ (Shih Tzu) คงทำให้คนรักสัตว์หายเหงากันมาไม่น้อย ยิ่งคนที่มีพื้นที่อาศัยอย่างคอนโด หรืออพาร์ตเม้นท์ซึ่งมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ชิห์สุจึงถูกหมายตาให้เป็นสมาชิก 4 ขาในบ้านเป็นอันดับต้นๆ ทีเดียว ชิห์สุเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่มีความทรหดอดทนสูง แข็งแรง สร้างเสน่ห์ให้เจ้าของหลงรักได้ไม่เว้นวัน
ชิห์สุ มีอุปนิสัย ร่าเริง ตื่นตัว ฉลาด ขี้เล่น เป็นตัวของตัวเอง กล้าหาญ เป็นเพื่อนที่ดี รักเจ้าของ จงรักภัคดีต่อเจ้าของ ช่างประจบ รักความสะอาด เป็นมิตรกับทุกคนหากถูกฝึกให้เข้าสังคมอย่างเพียงพอ สามารถเข้าสังคมกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ได้ ปรับตัวได้ดีชอบที่จะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ กับเจ้าของ ในทุกเรื่อง ไม่ชอบถูกทิ้งไว้ในบ้าน
    
  

บรรพบุรุษของชิห์สุ ค่อนข้างจะไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่นัก แต่ก็อาจเป็นไปได้ว่าชิห์สุ มีต้นกำเนิดจากทิเบต เนื่องจากตามประวัติศาสตร์ของชาวทิเบตถือว่า สิงห์โตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตามความเชื่อทางศาสนา พระชาวทิเบต (Lama) จึงได้ผสมสุนัขพันธุ์เล็กขึ้นมา ให้มีลักษณะคล้ายคลึงกับสิงห์โต (Lion Dog) ชิห์สุ (ซึ่งแปลว่าสิงโต) จึงได้ชื่อว่าเป็นสุนัขที่เก่าแก่และตัวเล็กที่สุดในบรรดาสุนัขศักดิ์สิทธิ์ (Holy Dog) และมีลักษณะบางอย่างคล้ายกับสุนัขพันธุ์อื่นๆ ของชาวทิเบต
ตามประวัติศาสตร์อันยาวนานและรุ่งโรจน์ในประเทศจีนนั้น พระนางชุสีไทเฮาพยายามรักษาสายพันธุ์ชิห์สุไว้ ซึ่งคอกสุนัขปั๊ก, ปักกิ่งและชิห์สุ ของพรนางฯ เป็นที่รู้จักและมีชื่อเสียงทั่วโลก พระนางทรงดูแลเอาใจใส่สุนัขในคอกเป็นอย่างดีในตลอดช่วงเวลาที่พระนางมีชีวิตอยู่ ถึงกระนั้น ชิห์สุก็ถูกลักลอบนำออกไปโดยขันทีในราชสำนัก ขันทีได้แอบผสมพันธุ์ข้ามสายพันธุ์เพื่อต้องการลดขนาดของสุนัขให้เล็กลง หลังจากพระนางชูสีไทเฮาสิ้นพระชมน์ในปี ค.ศ.1908 สุนัขก็ค่อยๆ กระจัดกระจายหายไป การผสมพันธุ์ก็เป็นไปแบบตามอำเภอใจ แต่ก็ยังมีผู้ที่ยังคงผสมพันธุ์เพื่อรักษาสายพันธุ์ไว้อยู่ และหลังจากที่มีการปฏิวัติคอมมิวนิสต์ สุนัขในพระราชวังก็สูญพันธุ์ไปเนื่องจากมีการทำลายล้างพระราชวัง


ชิห์สุ (Shih Tzu)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group
ศรีษะ
ต้องกลมโต
กะโหลก
กว้างอย่างสมดุล สีกลางหน้าผากจะต้องขาวเด่น
หน้า
สั้น หน้าผากถึงจมูก ต้นไม่ยาวเกิน 1 นิ้ว
ตา
ตาทั้งสองข้างอยู่ห่างจากกัน สมดุลกัน ดวงตากลมโตสีดำไม่โปน นัยน์ตาแสดงความเป็นมิตรไม่ดุร้าย
จมูก
กว้าง สีดำ ดั้งจมูกมีมุมหักชัดเจน
ปาก
มีขนาดสั้น ปากไม่แหลม ไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก
ฟัน
ต้องขบสนิท เรียบ ฟันล่างขบฟันบนเล็กน้อย ขบแบบเสมอ หรือ UNDERSHOT เล็กน้อย อย่าให้ฟันบนเกยฟันล่างเด็ดขาด
คาง
ไม่ยื่น
ใบหู
ปลายหูจะมีสีดำ ไม่ว่าหูจะสีอะไรปลายหูจะต้องดำ ต้องยาวกว้างและห้อยลง โคนหูจะอยู่ต่ำกว่าศีรษะส่วนบนเล็กน้อย ขนที่หูหนามากจนดูกลมกลืนไปกับขนที่ต้นหู
คอ
ตั้งตรงยาว ได้สัดส่วนกับลำตัว เชิด ดูสง่างาม
ขน
มีขนสองชั้น ขนชั้นในดก หนา ขนชั้นนอกยาวและแน่น ไม่หยิกเป็นลอน ขนบนศีรษะนิยมมัดเป็นจุก
สีขน
เป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น สีใช้ได้ทุกสี สีจะต้องไม่แซมกัน สีต้องเป็นกลุ่มชัดเจน ท้ายทอยขาว
ลำตัว
ต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย ลำตัวบึกบึน กระชับ
อก
กว้างและลึก ไหล่ดูมั่นคงแข็งแรง แผ่นหลังตรงได้สัดส่วน
ขาหน้า
ขาตรง สั้น กระดูกขาใหญ่ มีกล้ามเนื้อแน่น ขนดกหนา เท้าใหญ่และแข็งแรง ตั้งห่างกันในระยะที่เหมาะสม ข้อศอกใต้อกชิดติดลำตัว มีขนาดสั้น
ขาหลัง
ขาสั้น ขาหลังมีกระดูกใหญ่ เมื่อดูจากด้านหลังจะมีลักษณะตรง มีกล้ามเนื้อ โคนขาอวบกลม ขนขาดกหนา
ท่าเดิน
นิ่มนวล สวยงาม ควรเดินเป็นเส้นตรงในระดับความเร็วที่เหมาะสม ขาหน้าควรก้าวตรงไปข้างหน้า ไม่แกว่งเข้าหรือแกว่งออก และขาหลังดีดสูงขึ้นในระดับที่เท่ากัน ในขณะที่เส้นหลังก็ต้องตรง คอตั้งเชิดและหางพาดกลับมาที่หลัง
เท้า
ขนาดกำลังพอดี มั่นคง ใต้นิ้วเท้าหนา นิ้วติ่งที่อยู่ด้านหลัง มักนิยมตัดออก ส่วนนิ้วติ่งขาหน้าจะตัดออกหรือไม่ก็ได้
หาง
มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม หางต้องม้วนพาดกลางหลัง ตั้งตรงและแกว่งไกว ไม่ห้อยลง โคนหางค่อนข้างสูง มีขนยาว ปลายหางต้องมีสีขาวเท่านั้น ระยะจากต้นคอถึงโคนหาง มองดูค่อนข้างมีความยาวกว่าความสูง ซึ่งต้องวัดจากปลายขาถึงต้นคอ
ขนาด
เป็นสุนัขที่มีขนาดเล็ก
น้ำหนัก
4.5 - 7.5 กก. (10 - 16 ปอนด์)
ส่วนสูง
25 - 27 ซม. (10 - 11 นิ้ว)
อายุเฉลี่ย
12 - 14 ปี
การเดิน - วิ่ง
มีความสง่างาม ขณะก้าวขาเหยียดตรง คอเชิด เส้นหลังตรง หางพาดอยู่บนหลัง
การดูแล
ต้องการความรักและเอาใจใส่มาก ควรเลี้ยงไว้ในห้องปรับอากาศหรือที่ที่มีอากาศเย็น สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง และแปรงขนมากกว่าหนึ่งครั้งต่อวันก็ได้ เพราะถ้าเขาวิ่งออกไปซนนอกบ้าน ขากลับก็จะพกเอาดิน เศษโคลนติดมากับขนด้วย ขนบนหัวควรผู้รวบให้เรียบร้อย เพราะดวงตาโปน อาจบาดเจ็บได้ง่าย ขนที่ก้นและเท้า ต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด
ผู้เลี้ยงที่เหมาะสม
มีบุคลิกกระฉับกระเฉง สามารถให้ความรักกับสุนัขได้ มีเวลาในการดูแลเอาใจใส่ เช่น เล่น แปรงขน ฝึกให้เข้าสังคม เป็นต้น

 
ขอขอบคุณที่มา... นิตยสาร YOU PET

เมื่อ26 เม.ย. 55
17:37
ดู 1,625
ตอบ 17
0
_


เป็นหมาพันธ์ปอมเมอเรเนี่ยน ป้าเราเพิ่งกลับจากเมกาแล้วเอาน้องหมามาให้เลี้ยง
ชื่อเดิมมันชื่อ 'วินเลี่ยม' แต่เราว่ามันโหลไปมันไม่เหมาะกับหมาน่ารักงี้ เลยอยากตั้งชื่อใหม่
ช่วยคิดหน่อยนะ เราคิดไม่ออกมันไม่ได้ชื่อที่ถูกใจซะที T____T;
ปล. น้องหมาเราตัวผู้เน้อ ไม่ได้เป็นตุ้ด 555
...อ้างอิง http://sz4m.com/b3095459

วันอังคารที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2556

ปอมเมอเรเนียน
       เป็นสุนัขพันธุ์เล็ก มีขนนุ่มปุกปุย มีหัวเป็นรูปลิ่ม หูตั้งชี้ขึ้น บรรพบุรุษปอมเมอเรนียนย้อนกลับไปถึงยุคก่อนคริสตกาล พบภาพวาดในแผ่นหินและรูปหล่อสัมฤทธิ์ตามโลงศพที่พบในอียิปต์ พบโครงกระดูกสุนัขพันธุ์เล็กคล้ายพันธุ์ปอมเมอเรเนียน ในอุโมงค์ที่บรรจุศพสมัยโบราณของชาวอียิปต์                    เชื่อกันว่า ปอมเมอเรเนียนได้รับการพัฒนาให้เป็นปอมเมอเรเนียนในปัจจุบันครั้งแรกที่เมืองปอมเมอเรเนีย ประเทศเยอรมัน ตั้งอยู่ในยุโดรเหนือแถบทะเลบอลติก ดินแดนกว้างใหญ่จากตะวันตกของเกาะรูเกนถึงแม่น้ำวิทูลา ที่แห่งนี้มีการเลี้ยงสุนัขอย่างแพร่หลาย ทั้งเพื่อให้เป็นสัตว์และเพื่อให้เป็นสุนัขอารักขา ปอมเมอเรเนียนมีต้นกำเนิดจากพันธุ์สปิทซ์ในสมัยโบราณ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมเมอเรเนียนพัฒนาจากสุนัขพันธุ์ซามอยด์ ซึ่งมีต้นกำเนิดอยู่ที่ตอนเหนือของประเทศรัสเซียแถบไซบีเรีย บางคนเชื่อว่าพัฒนามาจากสุนัขป่า ซึ่งอาศัยอยู่ตามถ้ำในประเทศเยอรมัน และถูกนำมาใช้เป็นสุนัขเลี้ยงแกะในทวีปยุโรปตอนกลางและตอนล่าง นำมาพัฒนาในยุโรปเพื่อช่วยในการเลี้ยงแกะ ซึ่งบรรพบุรุษของปอมฯ น่าจะมีน้ำหนักมากถึง 30 ปอนด์ บางคนเชื่อว่าสุนัขปอมฯ มีต้นกำเนิดมาจากประเทศกรีซ โดยอ้างหลักฐานจากภาพวาดสมัยโบราณหลายภาพที่มีอายุ 400 ปีก่อนคริสตกาล หรือเกือบประมาณ 2500 ปีมาแล้ว มีภาพของสุนัขขนาดเล็กที่มีรูปร่างลักษณะเหมือนสุนัขปอมฯ ในปัจจุบัน คือ Stop ที่เด่นชัด ช่วงปากแหลม หูสั้น ลักษณะการเดินและการแสดงออกเหมือนกับที่พบได้ในปัจจุบันทุกประการ ยกเว้นแต่ตำแหน่งของหางที่อยู่ต่ำเกินไปเท่านั้น แสดงว่าสุนัขพันธุ์นี้มีขนาดเล็กมากตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว ไม่ใช่เพิ่งพัฒนาให้มีขนาดเล็กลงเมื่อ 40-50 ปีที่ผ่านมาตามที่มีคนในประเทศอังกฤษอ้างเสมอ ประมาณปี 1800 สมเด็จพระราชินีวิคตอเรีย ทรงมีความชื่นชอบในสุนัขพันธุ์ปอมเมอเรเนียนและส่งสุนัขของพระองค์ลงประกวด ทำให้เกิดความนิยมปอมเมอเรเนียนอย่างแพร่หลายในประเทศอังกฤษ และเพราะความที่พระองค์โปรดปรานสุนัขที่มีขนาดเล็ก ผู้เพาะพันธุ์หลายคนเริ่มที่จะคัดสุนัขที่มีขนาดเล็ก ปัจจุบันปอมฯ ที่เราเห็นอยู่มีขนาดที่เล็กลงจากปอมฯ ที่เป็นต้นตำรับ 4-5 ปอนด์
                    ความฉลาดและความสามารถของปอมฯ ทำให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นพระเอกในคณะละครสัตว์อย่างต่อเนื่อง ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในเยอรมัน นิยมเลี้ยงกันเป็นฝูง บางแห่งทำเป็นสุนัขลากเลื่อนก็มี ปอมฯ เข้าสู่อังกฤษช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 และได้รับความนิยมอย่างสูง เช่น มีการตั้งชมรมคือ English Pomeranian Club ในปี 1891 ภายหลังสมเด็จพระราชินีวิคตอเรียทรงออกงานพร้อมสุนัขพันธุ์นี้บ่อยครั้ง ทำให้สุนัขพันธุ์นี้ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและรวดเร็ว ส่วนในประเทศอเมริกามีการปรากฎตัวครั้งแรกของปอมเมอเรเนียนที่งานกระกวดสุนัขแห่งหนึ่งประมาณปี 1892 ไม่กี่ปีหลังจากนั้นมีการสั่งนำเข้าอีกเกือบ 200 ตัว มาตรฐานของปอมฯ โดยทั่วไป รูปรางจะเหมือนสุนัขจิ้งจอก มีขนาดกลาง ตาเป็นวงรีสีดำ หูเล็กตั้งตรง ลำตัวสั้นขนาดกระทัดรัด หางเป็นพวงแผ่อยู่บนส่วนหลัง
ปอมเมอเรเนี่ยน (Pomeranian)
สุนัขในกลุ่ม Toy Group ปอมเมอเรเนี่ยน มีถิ่นกำเนิดจากประเทศเยอรมนี เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่กำลังมาแรงอย่างต่อเนื่อง ขึ้นจากอันดับ 3 ในปีก่อน ด้วยความเล็กกะทัดรัด ขนฟูดูสวยงาม ใบหน้าแหลมเล็ก หลายคนหลงใหลในความน่ารักของสุนัขพันธุ์นี้ ลักษณะโดยทั่วไป มีความสูงโดยเฉลี่ยไม่เกินฟุต หรือประมาณ 20 เซนติเมตร หัวกลม ใบหน้ามีส่วนคล้ายสุนัขจิ้งจอก ปากเรียวแหลม ส่วนหัวและใบหน้ามีขนสั้น ตากลมโตและโปนเล็กน้อย หูเล็กเป็นรูปสามเหลี่ยมตั้งตรงและชิดกัน จมูกดำกลม ขนยาวฟูฟ่องทั่วลำตัว ขนสีดำ โกโก้ แดง ส้ม ขาว เหลือง บางตัวมีหลายสีปนกัน ขนทั้งตัวจะปกคลุมด้วยขนยาว ดก ฝ่าเท้านิ่ม ขนหางเป็นพวงโค้งเป็นวงกลมออกด้านข้าง นอกจากความเล็กน่ารักแล้ว ความฉลาด ซื่อตรงและร่าเริง ปฏิภาณไหวพริบดี และขี้ประจบของปอมเมอเรเนี่ยน ยังเป็นจุดเด่นที่ทำให้เจ้าของต่างหลงใหล แต่ขณะเดียวกันความเล็กของสุนัขพันธุ์นี้จึงมักมีผลต่อการขยายพันธุ์ที่ค่อนข้างลำบาก ให้ลูกน้อย ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่น 8,000-20,000 บาท ระดับประกวด 20,000 บาท ขึ้นไป
ชิสุ (Shih Tsu)สุนัขในกลุ่ม Toy Group
ชิสุ มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน ได้ชื่อว่า "สุนัขพันธุ์ราชสีห์" เพราะมีขนแผงคอเหมือนสิงโต อีกทั้งท่าทางการเดินหรือเคลื่อนไหวที่สง่างาม เดินตรงเชิดหน้าคอเหยียดและมีพวงหางขนยาวจะปกคลุมลงบนหลังชัดเจน ในอดีตจึงเป็นสุนัขที่เลี้ยงกันในราชสำนักของจักรพรรดิ นับเป็นสิ่งสูงค่าสำหรับสามัญชน เป็นสุนัขที่มีชนชั้น ชิสุ เมื่อโตเต็มที่น้ำหนักไม่เกิน 18 ปอนด์ สูงประมาณ 9 -10.5 นิ้ว รูปร่างเล็กแต่มีขนยาว เป็นขนสองชั้น หนา ยาวตรงหรือเป็นคลื่นเล็กน้อยปกคลุมลำตัว ขนบนหัวควรผูกรวบให้เรียบร้อย ป้องกันดวงตา ขนที่ก้นและเท้าต้องตัดให้เรียบร้อยเช่นกันเพื่อความสะอาด สุนัขพันธุ์นี้ต้องการการแปรงขนทุกวัน ผู้เลี้ยงต้องมีเวลาในการแปรงขนอย่างน้อยครึ่งชั่วโมง ลักษณะของชิสุที่ดี ควรมีลักษณะขนยาว ไม่ม้วนหยิก สีของขนเป็นสีผสมกันของสีดำ น้ำตาล ขาว มีสีขาวเป็นสีพื้น ส่วนกะโหลกกว้างอย่างสมดุล ตากลมโต นัยน์ตาสีดำ หรือจะเป็นสีน้ำตาลสีตับ แววตาร่าเริงแจ่มใสและเป็นมิตรต่อทุกสิ่ง ส่วนปากสั้นยาวไม่เกิน 1 นิ้ว และไม่มีรอยย่นของผิวหนังรอบปาก ปากไม่แหลม คางไม่ยื่น คอควรตั้งตรงยาวได้สัดส่วนกับลำตัว ลักษณะลำตัวของชิสุต้องมีความยาวของลำตัวมากกว่าความสูงเล็กน้อย อกใหญ่ ลึก หางจะต้องโค้งตั้งขึ้นมาบนหลัง ไม่ห้อยลง มีขนขึ้นเป็นพวงสวยงาม แม้ ชิสุ จะเป็นสุนัขขนาดเล็ก แต่ก็ได้ชื่อว่า "เล็กแต่อึด" หากมีสุขภาพดีจะเป็นสัตว์ที่มีความทรหดอดทนสูง มีความแข็งแรงดุจสุนัขใช้งาน แต่ข้อดีของสุนัขพันธุ์ชิสุที่สร้างเสน่ห์อย่างดีก็คือ ฉลาด เป็นมิตร มีเสน่ห์ ไม่ดุร้าย ไม่เจ้าอารมณ์ เหมาะสมกับบ้านทุกชนิด จากสิถิติที่ผ่านมา ชิสุ เป็นสุนัขพันธุ์เล็กที่ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหตุอาจเพราะปัจจุบันผู้นิยมเลี้ยงสุนัขมีที่อยู่อาศัยที่เล็กลง ส่งผลให้สุนัขพันธุ์เล็กเพิ่มจำนวนมากขึ้นไปด้วย และด้วยการขยายพันธุ์ที่ง่ายกว่า ชิสุจึงมาแรงแซงสุนัขพันธุ์เล็กพันธุ์อื่น รวมถึงลักษณะขนและหน้าตาสร้างความเพลิดเพลินในการเลี้ยงดูของเจ้าของที่ชอบแต่งตัวให้สุนัข แต่คงไม่เหมาะนักสำหรับเจ้าของที่ไม่มีเวลา ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น 3,500-15,000 บาท ทั่วไป เริ่มต้นที่ 2,500 บาท
 ไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky)จัดอยู่ในกลุ่ม Working Group
สุนัขลากเลื่อนที่มีท่วงท่าสง่างาม มีถิ่นกำเนิดจากเอเชียตอนเหนือ มีความอดทนแข็งแรงดีเลิศ อดีตเป็นสุนัขใช้งานลากเลื่อนในเมืองหนาว นับเป็นสัตว์ที่ปรับตัวเก่ง ใจดี ไม่ก้าวร้าว ไซบีเรียน ฮัสกี้ เป็นสุนัขที่มีขนสองชั้น สีพื้นเป็นสีน้ำตาล ดำ เทา แต่ใบหน้าต้องมีสีขาวเท่านั้น ขอบตาเป็นสีดำ ขนสั้นตรงฟู แน่น หัวมีขนาดปานกลาง ดูสมส่วนกับขนาดลำตัว ใบหูตั้งตรง รูปตาเรียว หางฟูพอง มักจะโค้งเป็นพวงขึ้น บนหลังคล้ายกับสุนัขจิ้งจอก ต้องการออกกำลังกายเป็นหลัก จุดเด่นของสุนัขพันธุ์นี้คือ มีความอดทนสูงมาก ทำงานได้ดังหุ่นยนต์ รักเจ้านาย ครอบครัว หรือแม้แต่สุนัขด้วยกันเอง สามารถปรับตัวให้เข้าได้กับสภาพอากาศ วิ่งเร็วมาก สามารถเป็นสุนัขเฝ้ายามที่ดี แต่มักทำตัวเป็นจ่าฝูง เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เลี้ยงที่มีความกระฉับกระเฉง ราคาจำหน่าย ระดับเลี้ยงเล่นทั่วไป ประมาณ 8,000-15,000 บาท ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป
บูลล์ด็อก (Bulldog) สุนัขในกลุ่ม Non - Sporting Group
เห็นรูปร่างตันๆ กำยำ ดูแข็งแรงอย่างนี้ แต่เป็นที่โปรดปรานของผู้เลี้ยงสุนัขพอสมควร มีถิ่นกำเนิดจากประเทศกรีก ในอดีตเป็นสุนัขที่ใช้ต่อสู้กับวัวซึ่งถือเป็นกีฬาชนิดหนึ่งในสมัยนั้น แต่ต่อมากีฬาสู้วัวถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย จึงเกิดการพัฒนาสายพันธุ์ให้มีเลือดนักสู้ลดลง จนกลายเป็นสุนัขที่กล้าหาญแต่วางใจได้ ไม่ดุร้ายเหมือนรูปร่าง บูลล์ด็อก มีน้ำหนัก 25 กิโลกรัม สูงเต็มที่เพียงฟุตเศษ ลักษณะเด่นคือหัวกลม มีปากและบริเวณใบหน้าย่น ห้อย ขนเกรียนสั้นตรงและเรียบ นิ้วเท้าเวลายืนเหมือนยกขึ้น ขาหน้าตรง เวลายืนแล้วจะกางออกเล็กน้อย หางสั้น โดยมากจะเป็นสีเดียวทั้งตัว แต่มีสีดำที่ใบหน้า ปาก หน้าอก แต่ตอนนี้นิยมสีน้ำตาลลูกวัว ผู้เลี้ยงอาจต้องทำใจไว้ด้วยว่า ตัดสินใจเลี้ยงสุนัขที่นอนกรน และต้องระวังเรื่องอากาศร้อนเป็นพิเศษ ราคาจำหน่ายระดับสุนัขเลี้ยงทั่วไป เริ่มต้นที่ 10,000 บาท หากเป็นบูลล์ด็อกระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป
บีเกิ้ล (Beagle)สุนัขในกลุ่ม Hound Group
สุนัขล่ากระต่ายในอดีต มีหูที่ยาวปรกลง มีทั้งพันธุ์ธรรมดา มีความสูงประมาณ 13-15 นิ้ว หนัก 18-20 ปอนด์ และพันธุ์อลิซาเบธ บีเกิ้ล (Elisabeth beagle) มีความสูงไม่เกิน 12 นิ้ว มีน้ำหนักไม่เกิน 20 ปอนด์ บีเกิ้ล มีถิ่นกำเนิดที่ประเทศอังกฤษ เป็นสุนัขรักสันติ รักเด็ก ไม่เพียงเป็นสุนัขล่าสัตว์อย่างกระต่ายในอดีต ในหลายร้อยปีก่อนบีเกิ้ลยังถูกนายพรานควบคุมเป็นฝูง เพื่อนำไปล่าหมาป่า กวาง แต่ในระยะหลังใช้บีเกิ้ลเป็นสุนัขคาบนกที่เจ้าของล่าได้ เนื่องจากบีเกิ้ลสืบสายพันธุ์มาจากสุนัขดมกลิ่น ประสาทในการรับกลิ่นดีเยี่ยม แต่สำหรับผู้เลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ คงไม่ดีแน่หากหวังจะใช้เป็นสุนัขเฝ้าบ้าน เพราะความเป็นสุนัขสังคม ไม่ชอบยึดอยู่กับสิ่งใดเพียงสิ่งเดียว อาจทำให้บีเกิ้ลหงุดหงิดได้ง่าย บีเกิ้ลจึงเหมาะที่จะเลี้ยงไว้เพื่อสร้างมิตรภาพกับบุลคลในครอบครัวมากกว่า ลักษณะทั่วไปของบีเกิ้ล มักมีขนสามสีบนตัว คือ สีขาว สีดำ และน้ำตาล สีที่อกโดยมากเป็นสีขาว ส่วนสีดำกับสีน้ำตาลนั้นจะอยู่บนลำตัว และแผ่นหลังด้านใต้ท้องก็จะเป็นสีขาวเช่นกัน หน้าผากจะตั้งชัดเจน ใบหูยาวปรกลง ขนสั้นตรง หางยาวปานกลาง ค่อนข้างตรงชี้ขึ้น ขนาดกะทัดรัด รูปร่างแข็งแรง ราคาจำหน่าย ระดับประกวด 15,000 บาท ขึ้นไป ระดับเลี้ยงเล่น ประมาณ 10,000-15,000 บาท
. ปั๊ก (Pug) จัดอยู่ในกลุ่ม Toy Group
สุนัขพันธุ์ตัวเล็กหน้าย่น มีถิ่นกำเนิดจากประเทศจีน มีประวัติยาวนานกว่า 2,500 ปี เป็นสุนัขที่นิยมมากของชาวพุทธในสมัยโบราณ ด้วยมีความเชื่อที่ว่า ปั๊ก เป็นสัตว์เลี้ยงมงคล เพราะลักษณะรอยย่นของใบหน้ามีความหมายตามความเชื่อที่ดี เป็นสิริมงคลต่อผู้เลี้ยง ปัจจุบันเป็นที่แพร่หลายทั่วโลก ปั๊ก เป็นสุนัขรักเด็ก ร่าเริง กระตือรือร้น มีน้ำหนักไม่เกิน 9 กิโลกรัม สูงไม่เกินฟุต มีลักษณะใบหน้าสีดำเหมือนใส่หน้ากาก ขนสั้นละเอียดนุ่ม ลำตัวมีกล้ามเนื้อ ลักษณะทั่วไป กลม ใหญ่ จมูกสั้น ปากสั้น กระหม่อมไม่โค้ง มีรอยย่นที่หัว ปาก แก้มนิ่ม เท้ากลม ฝ่าเท้าแผ่ มีกล้ามเนื้อที่ขาทั้ง 4 ชัดเจน หางม้วนเป็นเกลียวอยู่บนแผ่นหลังตรงสะโพก แต่สิ่งที่ผู้เลี้ยงต้องระวังไม่ให้อ้วนจนเกินไป อีกทั้งต้องดูแลเรื่องอากาศเนื่องจากเป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกสั้น อาจมีปัญหาเรื่องการหายใจ ราคาจำหน่ายทั่วไปเริ่มต้นที่ 4,500 บาท ระดับประกวด 12,000 บาท ขึ้นไป